พายเชอร์รี่ เนื้อพายที่กรอบและนุ่มกับไส้เชอร์รี่หวานฉ่ำนี้เมื่อทานคู่กันแล้วเข้ากันอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นเมนูที่หาทานได้น้อยนัก สำหรับใครที่อยากรู้ว่ามีวิธีทำยังไงบ้างมาดูกันค่ะ
ส่วนผสม
แป้งโดสำหรับทำพาย
- แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
- ผงฟู ¼ ช้อนชา
- เกลือ ¼ ช้อนชา
- เนยจืดเย็น ¾ ถ้วย หั่นเป็นก้อน
- ครีมชีสเย็น ¼ ถ้วย ตัดเป็นก้อน
- บัตเตอร์มิลค์ 2 ช้อนโต๊ะ
การกรอก
- เชอร์รี่ 3 ถ้วย
- น้ำตาลทราย ⅔ ถ้วย
- แป้งมันสำปะหลัง 3 ช้อนโต๊ะ
- อบเชยป่น 3 ช้อนชา
- เกลือ ⅛ ช้อนชา
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- สารสกัดอัลมอนด์ 2 ช้อนชา
สำหรับเคลือบ
- ไข่ 1 ฟอง
- ครีมหนัก 1 ช้อนโต๊ะ
เชอร์รี่ไอซิ่ง
- น้ำตาลทรายป่น ½ ถ้วย ร่อน
- Kirshwasser 2 ช้อนโต๊ะ
- ครีมหนัก 1 ช้อนโต๊ะ
- สารสกัดวานิลลา 1 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำ พายเชอร์รี่
- เปิดเตาอบที่ 200 ° C
- ร่อนแป้งผงฟูและเกลือเข้าด้วยกันในชาม
- ใส่เนยและครีมชีสที่เย็นแล้วหั่นด้วยมีดทำขนมหรือนิ้วของคุณจนแตกละเอียด
- ใส่บัตเตอร์มิลค์แล้วค่อยๆทาให้เข้ากันจนแป้งเข้ากัน
- ปั้นแป้งเป็นแผ่นห่อด้วยพลาสติกแรปแล้วนำเข้าตู้เย็น
- ในขณะที่แป้งเย็นเตรียมไส้ ใส่ส่วนผสมของไส้ลงในชามแล้วผสมให้เข้ากัน พักไว้และปล่อยให้ส่วนผสมนั่งประมาณ 10 ถึง 15 นาที
- คลึงแป้งลงบนพื้นผิวที่เบลนเบา ๆ จนหนา ¼ นิ้ว
- ตัดวงกลมขนาด 4 นิ้ว 12 นิ้วจากแป้งแล้วเติมไส้เชอร์รี่จำนวนเล็กน้อย
- ตีไข่และครีมให้เข้ากัน
- แปรงรอบพายแต่ละข้างด้วยไข่แล้วพับ / หนีบเข้าด้วยกัน
- กดปลายด้วยด้านหลังของส้อมเพื่อปิดผนึกและแปรงท็อปส์ซูด้วยการล้างไข่
- ใช้มีดจับคู่ตัด 3 ร่องเล็ก ๆ ที่ด้านบนของพายแต่ละมือ
- วางลงบนแผ่นรองอบที่มีแผ่นรองอบแล้วอบในเตาอบประมาณ 15 ถึง 18 นาทีหรือจนเป็นสีน้ำตาลทอง
- ปล่อยให้พายมือเย็นสนิทบนตะแกรงระบายความร้อน
- ในขณะที่มือพายเย็นให้ใส่น้ำตาลไอซิ่งเคิร์ชวาสเซอร์ครีมและวานิลลาลงในชามใบเล็กแล้วใช้ส้อมคนให้เข้ากันเบา ๆ จนเข้ากันดีและเนียน
- หยดไอซิ่งลงบนมือพายแล้วเสิร์ฟ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อีกหนึ่งเมนูแนะนำ นักเก็ตกุ้ง
Credit ufabet1688
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *